วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557

6 เรื่องสำคัญต้องรู้ก่อนทำ SEO

User friendly website, the primary factor before doing SEO
ภาพประกอบ: www.Google.com
โดยทั่วไปเมื่อผู้ประกอบการต้องการทำ SEO มักจะเริ่มต้นด้วยการกำหนดคีย์เวิร์ดที่ต้องการขึ้นมาก่อน และหลายครั้งที่เลือกคีย์เวิร์ดมากกว่า 50 คำโดยแต่ละคำต้องการให้ติดหน้าที่หนึ่งของ Search engine ทั้งหมด โดยประสบการณ์ที่ได้จากการเรียนรู้มาตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีในวงการออนไลน์ทำให้ทราบว่ากว่า 90% ของผู้ประกอบการที่เริ่มต้นทำ SEO แบบนี้จะไม่ได้ผลลัพธ์ทางธุรกิจอย่างที่คาดหวังเอาไว้เลย หากจะถามหาสาเหตุนั้นผมตอบได้ทันทีเลยว่า เพราะผู้ประกอบการเหล่านั้นไม่ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ของตนเอง

เว็บไซต์ เรื่องสำคัญที่มักถูกมองข้าม

ปัจจุบันหากพูดถึงการทำเว็บไซต์ ตัวผู้อ่านเองหรือแม้กระทั่งเด็กจบใหม่ยังสามารถที่จะทำเว็บเองได้เลย คงเพราะมีทั้งซอร์ฟแวร์ทันสมัยและเว็บสำเร็จรูปให้เลือกใช้งานได้อย่างสะดวก สนนราคาค่าดำเนินการก็ไม่กี่บาท และเพราะความง่ายดายเหล่านี้การทำเว็บไซต์จึงถูกมองว่าเป็นเรื่องเล็กๆ ไม่สำคัญอะไรมากไปกว่าแค่เครื่องมืออย่างหนึ่งที่ใช้สื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต แต่ความจริงคือการทำ SEO ให้ได้ผลลัพธ์ตามกลยุทธ์การตลาดที่วางไว้นั้นคุณต้องให้ความสำคัญกับเว็บไซต์เป็นเรื่องแรก

6 เรื่องสำคัญที่เว็บไซต์ควรมีก่อนทำ SEO

1. สะอาดใช้งานง่าย (Clean & Clear) – ไม่ใช่เครื่องสำอางค์ยี่ห้อหนึ่งนะครับ ผมกำลังพูดถึงความสวยงามที่น่าใช้งาน “เน้นย้ำว่า ความสวยงามที่น่าใช้งาน” โดยไม่จำเป็นต้องเน้นเทคโนโลยีทันสมัย มีลูกเล่นมากมาย หรือนำเนื้อหาทั้งหมดมายัดลงในหน้าแรก เพราะสิ่งเหล่านี้อาจจะไม่ช่วยสร้างความประทับใจต่อผู้ใช้เลยถ้าเขาเข้ามาแล้ว Device ไม่รองรับเทคโนโลยี หรือหาข้อมูลที่ต้องการไม่พบ
2. โหลดเร็วไว้ก่อน (Loading speed) – ท่องไว้ครับ ถ้าเว็บของคุณไม่ใช่ Brand ระดับโลกแล้วละก็คงไม่มีใครอยากเสียเวลารอ ผมเองก็ให้ความสำคัญกับเรื่องค่ามาตรฐานเวลาซึ่งหลายๆ สำนักบอกว่าไม่ควรเกินกี่นาทีต้องเห็นส่วนแรกของเว็บไซต์ แต่เรื่องจริงก็คือเวลาที่ใช้ต้องสอดคล้องกับเนื้อหาและเหมาะสมพฤติกรรมผู้ใช้เป้าหมาย เช่น ถ้าคุณทำเว็บเพื่อคนใช้มือถือเวลาโหลดเว็บเกิน 10 วินาทีนั้นถือว่านานเกินไป “เน้นย้ำว่า เวลาโหลดหน้าเว็บจะเป็นเท่าไหร่นั้น ต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับผู้ใช้เป้าหมาย”
Loading speed - หน้าเว็บโหลดเร็วก็ได้เปรียบ
ภาพประกอบที่ 1: ข้อมูล Loading speed
3. ป้ายบอกทางชัดเจน (Friendly navigation) – คุณเคยเข้าไปเดินในตลาดจตุจักรมาบ้างแล้วอย่างแน่นอน ถ้าคุณต้องการไปซื้อเสื้อหนังสักตัวหนึ่งคุณจะเริ่มต้นการเดินหาร้านของคุณอย่างไร ผมให้เวลาคุณสัก 3 นาทีคุณจะหาเจอหรือไม่ สถานการณ์นี้ก็เหมือนกันในเว็บไซต์ โดยถ้าวันนี้คุณจ้างคนทำ SEO โดยใช้คีย์เวิร์ดคำว่า “เสื้อหนัง Harley ของแท้” และคำๆ นี้ก็ติดอันดับหนึ่งในผลการค้นหาหน้าที่หนึ่ง ปรากฎว่ามีจำนวนผู้เยี่ยมชมรายใหม่ๆ เข้ามาในเว็บไซต์เพิ่มขึ้นกว่า 200% โดยมีรายงานจากผู้รับจ้างส่งให้ทุกเดือน แต่ในทางกลับกันยอดขายเสื้อหนัง Harley ของคุณไม่ได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วยเลยทั้งที่หน้า Home ของคุณจัดวางเสื้อหนังไว้เต็มอัดตรา คำตอบคือ ผู้เยี่ยมชมต้องการเสื้อหนัง Harley ไม่ใช่เสื้อหนังทั่วไป ถ้าเขาหาเสื้อหนัง Harley ไม่พบเขาก็จะออกจากเว็บคุณไปเลย
4. รองรับผู้ใช้งานผ่านมือถือ (Responsive template) – ปัจจุบันตัวเลขผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ถ้าคุณใช้ Google Analytics ตรวจสอบสถิติการใช้งานจะพบตัวเลขผู้เยี่ยมชมที่มาจากมือถือนั้นไกล้เคียง หรือบางช่วงเวลาก็มากกว่าผู้ใช้ที่มาจากคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะซะด้วยซ้ำ
Responsive template เว็บไซต์ที่รองรับการใช้งานผ่านมือถือ
ภาพประกอบที่ 2: สถิติผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ
5. ภาพลักษณ์ของแบรนด์ (Search engine reputation management) – ถ้าวันนี้คุณกำลังว่าจ้าง Digital agency แห่งหนึ่งให้ทำ Brand building ด้วยเม็ดเงินลงทุนหลายสิบล้านบาท โดยคุณคาดหวังว่าเมื่อมีคนค้นหาคุณเจออันดับที่หนึ่งในหน้า Search engine แล้วจะเข้ามาเป็นลูกค้าของคุณอย่างแน่นอน เหล่านี้เป็นเรื่องผลลัพธ์ที่คาดหวังให้เกิดขึ้นจากแผนการตลาดอันชาญฉลาด
แต่ถ้าวันดีคืนดี มีคนที่กำลังต้องการซื้อสินค้าของคุณอยากหาคำแนะนำจากเพื่อนๆ ก่อนซื้อ อารมณ์ประมาณถามเพื่อนหน่อยสิว่าสินค้าของบริษัทนี้เป็นอย่างไรบ้าง แล้วปรากฎว่าไปพบเรื่องร้องเรียนในด้านลบจากเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง Pantip.com จะเกิดอะไรขึ้น ที่ Flexmedia จึงได้นำเรื่องสำคัญนี้มาเป็นส่วนหนึ่งของการทำ SEO ให้กับลูกค้า โดยผมเรียกมันว่าSearch engine reputation management (บริหารภาพลักษณ์ของแบรนด์) จากภาพประกอบที่ 3 คุณจะเห็นว่าในต่างประเทศกำลังให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะมูลค่าของแบรนด์นั้นมันไม่ได้สร้างกันขึ้นมาได้ง่ายๆ
Search engine reputation management บริหารภาพลักษณ์ของแบรนด์
ภาพประกอบที่ 3: Search reputation management บริหารภาพลักษณ์ของแบรนด์
6. เนื้อหาเว็บส่งเสริมการขาย (Content conversion) – เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ผมนำมาไว้ข้อสุดท้ายเพราะต้องการให้คุณผู้อ่านที่เป็นผู้ประกอบการจำได้ รูปภาพ วิดีโอ บทความ หรือข้อมูลใดๆ ที่เห็นได้ด้วยตาและอยู่บนเว็บไซต์ทั้งหมดคือเนื้อหา และคุณต้องวางแผนให้เนื้อหาทุกๆ ส่วนเชื่อมโยงกับกระบวนการซื้อสินค้า
Purchasing funnel กระบวนการซื้อสินค้า
ภาพประกอบที่ 4: Purchasing funnel แสดงกระบวนการซื้อสินค้า
กล่าวโดยสรุป กระบวนการทำ SEO นั้นไม่ใช่แค่ทำคีย์เวิร์ดให้ติดอันดับที่ 1 บนหน้า Search engine แล้วเรื่องทุกอย่างก็จบ เพราะถ้าผู้ประกอบการยังไม่เข้าใจว่าจะได้ที่ 1 ไปทำไมคุณก็จะเสียเงินและเวลาไปโดยไม่ได้อะไรกลับมา และยิ่งร้ายกว่านั้นคือการทำ SEO ถูกเข้าใจผิดไปว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลยทั้งที่ความผิดไม่ได้อยู่ที่ SEO แต่อยู่ที่กระบวนการทำงาน ดังนั้นหากวันนี้ท่านผู้ประกอบการที่ต้องการว่าจ้างคนทำ SEO ให้ต้องเน้นเขาไปเลยว่า “อย่าลืมวิเคราะห์ Conversion funnel” ให้ด้วยนะ คำๆ นี้มีความหมายอย่างไร ถ้าอยากรู้ติดตามอ่านต่อในบทความหน้านะครับ
สำหรับบทความนี้เป็นเพียงข้อมูลส่วนหนึ่งที่เกิดจากการเรียนรู้ และลงมือทำ ผมเองก็ต้องการคำแนะนำจากคุณผู้อ่านด้วยเช่นกัน ดังนั้นหากมีข้อเสนอแนะอะไรที่อยากแชร์ก็อย่าลืม Comment กันเยอะๆ เลยนะครับ

by Udomsook

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น