วันอังคารที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2557

10 อันดับประเทศที่มีคนไปเที่ยวมากที่สุดปีล่าสุด!!

การท่องเที่ยวนั้นเป็นกิจกรรมที่คนทั้งโลกชอบ เพราะถือเป็นการได้ไปพบเจอกับวัฒนธรรมใหม่ๆ ผู้คนใหม่ๆ เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ชีวิตที่ทุกคนต้องเคยเจอ ยิ่งเป็นการเที่ยวต่างประเทศด้วยแล้วความสนุกก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ทางเว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ ได้เผยผลการจัดอันดับ 10 ประเทศที่คนไปเที่ยวมากที่สุดในโลก ที่วันนี้ทีมงาน Toptenthailand ได้เอามาฝากท่านผู้อ่านกัน ใครอยากไปประเทศไหนก็จองตั๋วกันเลยค่ะ
อันดับ 10 ประเทศไทย 26.5 ล้านคน
ทุกคนคะ!! ประเทศเราติดดันดับกับเค้าด้วยค่ะ ที่สำคัญไม่ใช่อันดับในเรื่องแย่ๆด้วย ประเทศเราถือว่าน่าสนใจมากในสายตาของชาวต่างชาติ เพราะด้วยความที่วัฒนธรรม ประเพณียังถูกอนุรักษ์ไว้อยู่ แถมคนในประเทศก็น่ารัก (หรอ) ยิ้มแย้มแจ่มใส อากาศก็ดี(ฝรั่งชอบอากาศร้อน) แถมราคายังไม่แพง ค่าครองชีพก็ถูกทำไมเค้าจะไม่มาเที่ยวกันล่ะคะ

ขอบคุณรูปจาก http://www.zmetravel.com/travel-tips/is-it-safe-to-travel-to-thailand-3858
อันดับ 9 ประเทศรัสเซีย 28.4 ล้านคน
ประเทศมหาอำนาจอีกประเทศนึงที่ถึงแม้อากาศจะหนาวเย็นแค่ไหนคนก็ยังไม่วายไปเที่ยวอยู่ตลอด ก็เพราะความสวยงาม และประเทศยังใหญ่มากจึงมีที่ท่องเที่ยวเยอะแยะตระการตาไปหมด ตั้งแต่พระราชวังยันป่าเขา แต่ปีหน้าคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวคงลดลง เพราะปัญหาความไม่สงบภายในประเทศชัวร์ๆ

ขอบคุณรูปจาก http://geovisions.org/program/teach-english-in-russia/
อันดับ 8 ประเทศอังกฤษ 31.2 ล้านคน
เป็นประเทศที่ต้องติด 1 ใน 10 ของทุกๆปี และถือเป็นศูนย์รวมของนักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ เพราะด้วยความที่ภาษาที่ใช้ก็ง่ายกับการสื่อสาร สามารถไปคนเดียวหรือเป็นหมู่คณะได้สบายๆ สถานที่ท่องเที่ยวยังมีให้เลือกหลากหลายว่าจะไปแนว ช้อปปิ้ง หรือแนวประวัติศาสตร์

ขอบคุณรูปจาก http://freewallpaperspot.com/31-england-wallpaper.html
อันดับ 7 ประเทศเยอรมนี 31.5 ล้านคน
ประเทศมีนี้ประวัติอันยาวนานที่แค่เล่าคงไม่พอ ต้องไปดูบรรยากาศความสวยงามแบบคลาสสิกของทั้งตึกรามบ้านช่อง ผู้คน และสถาปัตยกรรมเก่าๆด้วยตัวเอง คงจะเป็นประเทศที่ถูกใจบรรดาคนรักเสียงเพลง เพราะเป็นแหล่งสร้างสรรค์ศิลปินระดับมากมาย

ขอบคุณรูปจาก http://insidenanabreadshead.com/2010/12/14/vacation-photos-part-4-esslingen-favorite-german-town-ever/
อันดับ 6 ประเทศตุรกี 35.7 ล้านคน
ประเทศที่ยังคงมีกลิ่นอายของความเก่าแก่อยู่ตลอด ถึงแม้เวลาจะผ่านไปกี่ปีที่นี่ก็ยังคงอนุรักษ์สถาปัตยกรรมต่างๆได้อย่างดีเยี่ยม ที่นี่เหมาะสำหรับที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายแบบในเมือง และเมื่อได้มาเจอกับความสงบของตุรกีคงต้องอยากจะมาเที่ยวอีกหลายๆครั้ง

ขอบคุณรูปจาก http://www.articlesdiscussion.com/tourist-guide-first-time-visitors-turkey/
อันดับ 5 ประเทศอิตาลี 47.7 ล้านคน
ประเทศยอดนิยมของคู่รักที่จะไปสวีทกัน เพราะบรรยากาศที่เต็มไปด้วยมนต์สะกดของความขลัง ที่คุณจะได้ดื่มด่ำกับความสวยงามของบ้านเรือน แม่น้ำ ผู้คน และสิ่งมหัศจรรย์ของโลก แถมยังเหมาะกับคุณผู้หญิงบ้าช้อปปิ้งที่เชื่อว่าใครไปแล้วต้องอยากไปอีกแน่นอน

ขอบคุณรูปจาก http://www.worldcelebrationblog.com/europe-top-5-hookah-bars-in-rome-italy-shisha/
อันดับ 4 ประเทศจีน 55.7 ล้านคน
เรียกได้ว่าเป็นประเทศเริ่มต้นของคนที่จะไปเที่ยวต่างประเทศเลยก็ว่าได้ เป็นเพราะค่าใช้จ่ายที่ไม่แพง แถมยังไม่ไกลจากบ้านเราอีกด้วย ทั้งยังเป็นแหล่งรวบรวมวัฒนธรรมต่างๆของโลกไว้ ความสวยงามของธรรมชาติก็ไม่แพ้ที่ใด และแน่นอนว่ามาครั้งเดียวคงเที่ยวได้ไม่ทั่ว

ขอบคุณรูปจาก http://mstecker.com/pages/china_fp.htm
อันดับ 3 ประเทศสเปน 60.7 ล้านคน
ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่ฟุตบอลเท่านั้น แต่ความสวยงาม น่าค้นหาของประเทศนี้ก็โด่งดังไม่แพ้กัน ถึงทำเอามาอยู่ในอันดับ 3 ได้ ก็เพราะมีเมืองสวยๆให้เราได้ไปท่องเที่ยวได้อย่างไม่รู้จบ ที่มีให้เลือกทั้งทะเล ภูเขา และสถาปัตยกรรมทั้งสมัยใหม่ และแบบเก่าแก่ที่สามารถเลือกชมตามใจชอบ

ขอบคุณรูปจาก http://myspanishadventure.com/2012/top-5-things-to-see-and-do-in-alicante/
อันดับ 2 ประเทศสหรัฐอเมริกา 69.8 ล้านคน
ถ้าประเทศนี้ไม่ติด 1 ใน 5 ก็คงถือเป็นการจัดอันดับที่ไม่น่าเชื่อถือสุดๆ ก็แหม เป็นประเทศในดวงใจของใครหลายๆคนขนาดนี้คนก็ต้องไปเที่ยวเยอะเป็นธรรมดา เพราะมีหลากหลายสไตล์การเที่ยวให้เลือกทั้งช้อปปิ้ง เดินป่า ชมศิลปะ หรือดื่มด่ำไปกับความสวยงาม คึกคักของเมืองในยามค่ำคืน

ขอบคุณรูปจาก http://www.panoramio.com/photo/57666192
อันดับ 1 ประเทศฝรั่งเศส 84.7 ล้านคน
แถ่น แถ้น แทบจะไม่ต้องเอาว่าอันดับ 1 คือประเทศอะไร เพราะประเทศนี้น่าจะครองแชมป์มาอยู่นานพอตัว ด้วยความที่ประเทศผสมผสานไปด้วยความสวยงามของอารยธรรมแบบเก่าและแบบใหม่ได้อย่างลงตัว ทั้งยังมีจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายที่พอพูดชื่อขึ้นมาใครๆก็ต้องอยากไปกันทั้งนั้น!!

ขอบคุณรูปจาก http://www.orble.com/amazingpictures/
cr.บทความจาก Topten

เงินเดือนหมื่น 5 ก็ล่าเงินล้านได้ง่ายๆ

การมีเงินล้านบาทแรกในชีวิต คงเป็นความฝันของหลายๆ คน บ่อยครั้งที่เรามักท้อถอย คิดว่า ไม่สามารถมีเงินล้านได้ เพราะรายได้ไม่มาก แต่รายจ่ายกลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จริงๆ แล้ว การมีเงินล้านบาทแรกของชีวิตไม่ใช่สิ่งที่ยาก หากเรามีวินัยในการเก็บออมเงินและใช้จ่าย
1
ปัจจุบันเงินเดือนขั้นต่ำของคนที่จบปริญญาตรีอยู่ที่ 15,000 บาท หากเรามีการออมเงินเพียงเดือนละ 10% ของรายได้ โดยมีการนำเงินไปลงทุนในหุ้นหรือกองทุนหุ้น ซึ่งได้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 10% ต่อปี และเงินเดือนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 5% การลงทุนอย่างสม่ำเสมอแบบนี้เป็นเวลา 15 ปี จะช่วยให้เราสามารถมีเงินล้านได้
อุปสรรคสำคัญที่ทำให้เราไม่สามารถมีเงินล้านได้คือ รายจ่ายต่างๆ ที่ทำให้ไม่สามารถลงทุนได้อย่างตั้งใจได้ ซึ่งในบางครั้งรายจ่ายก็มีมากเกินรายได้ ทำให้เราต้องนำเงินออมมาใช้หรือกู้หนี้ยืมสิน ดังนั้น เราจึงต้องมีการควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ให้เกินงบที่ตั้งไว้ เช่น ถ้าตั้งใจว่าจะออมหรือลงทุนให้ได้เดือนละ 10% ของรายได้ หรือ 1,500 บาท เงินใช้จ่ายของเราก็ไม่ควรเกินเดือนละ 13,500 บาท
การทำบัญชีรับจ่ายเป็นประจำจะช่วยให้เราทราบว่า ในแต่ละเดือนเราหมดเงินไปกับรายจ่ายอะไรบ้าง จะได้ปรับลดให้เป็นไปตามงบที่ตั้งเอาไว้ การปรับลดในช่วงแรกๆ อาจทำได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นการกินข้าวนอกบ้านน้อยลง หรือการลดปริมาณการซื้อเสื้อผ้า แต่ก็ขอให้อดทนไว้ เพื่อเป้าหมายเงินล้านบาทแรกของเรา
เมื่อเราสามารถลงทุนเดือนละ 10% ของรายได้อย่างที่ตั้งใจได้แล้ว วิธีที่จะช่วยให้เรามีเงินล้านได้เร็วขึ้นจาก 15 ปี คือ มีรายได้เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตั้งใจทำงานประจำ เพื่อให้ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ได้รับค่าคอมมิชชันมากขึ้น หรือได้งานใหม่ที่เงินเดือนปรับเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งการหาอาชีพเสริมทำในยามว่าง ก็จะเป็นวิธีที่ช่วยให้เรามีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้เรานำเงินไปลงทุนได้มากขึ้น และสามารถมีเงินล้านได้ก่อน 15 ปี
การมีเงินล้านไม่ใช่เรื่องยาก หากเรามีความตั้งใจที่จะออมเงินให้ได้ โดยสิ่งสำคัญคือ การมีวินัยในการออมหรือลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ใช่จะใช้เวลาเพียง 2-3 เดือน แต่ต้องใช้เวลาหลายปี จึงจะสามารถไปถึงเป้าหมายที่ตั้งใจไว้

เทคนิค
- สมัครใช้บริการซื้อกองทุนหุ้นอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน เพื่อสร้างวินัยในการลงทุน
- จดบันทึกรับจ่ายทุกวัน จะช่วยให้ทราบว่า รายจ่ายมีอะไรบ้าง จะได้ปรับลดให้เป็นไปตามงบที่ตั้งไว้
“หากเงินเดือน 15,000 บาท แล้วนำเงินไปลงทุนทุกเดือน 10% ของรายได้ในกองทุนหุ้น เป็นเวลา 15 ปี จะทำให้เราสามารถมีเงินล้านได้”

ที่มา
ปานตา ฉัตรมาศ
ฝ่ายวางแผนเเละให้คำปรึกษาลูกค้าบุคคล ธนาคารกสิกรไทย
 : มนุษย์เงินเดือน, วางแผนรวย, วิธีการเก็บเงิน, วิธีรวย, เคล็ดลับรวย

#IceBucketChallengeTH เหล่าคนดังเมืองไทยรับคำท้าเพียบ

#IceBucketChallengeTH เหล่าคนดังเมืองไทยรับคำท้า
#IceBucketChallengeTH เหล่าคนดังเมืองไทยรับคำท้า

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ ichitangroupคุณ dtac feel gooodคุณ อินดี้ ประเทศไทยคุณ TrueMoveH สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอมเฟซบุ๊ก วู้ดดี้เกิดมาคุย

            #IceBucketChallengeTH เหล่าคนดังเมืองไทยรับคำท้าเพียบ อาทิ คุณตัน ผู้บริหารทรู พร้อมส่งคำท้าภารกิจราดน้ำเย็นต่อ รายต่อไปคือ อากู๋ แกรมมี่ โน้ส อุดม ชมพู่ อารยา ผู้บริหารบุญรอด ซีอีโอ CAT GM Google Thailand  และญาญ่า

            ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเหล่าคนดังทั่วโลกหลายคนต่างรับคำท้าร่วมภารกิจ#IceBucketChallenge จากสมาคมผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเอแอลเอส (ALS Assocition) กันอย่างมากมายเลยทีเดียว ซึ่งภารกิจดังกล่าวนั้น คือการเทน้ำเย็นเจี๊ยบราดทั้งตัวจนหนาวสั่น พร้อมบริจาคเงินตามศรัทธาให้มูลนิธิใด ๆ ก็ได้ตามชอบ และส่งคำท้าให้เพื่อนต่ออีก 3 คน ให้ทำตามภายใน 24 ชั่วโมง แต่ถ้าใครไม่ทำตามก็จะต้องบริจาคเงิน 100 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,000 บาท) เข้ากองทุนสมาคมผู้ป่วยแทนโรคเอแอลเอส งานนี้เหล่าคนดังทั่วโลกก็รับคำท้าราดน้ำเย็นแบบสุดขั้วมาให้ได้ชมกันเต็มเลยล่ะ แถมยังประชันไอเดียแบบเก๋กู๊ดแบบไม่มีใครยอมใคร [Ice Bucket Challenge คนดังแห่รับคำท้าภารกิจฮาราดน้ำเย็นรดตัว รณรงค์โรค ALS]
    
            ส่วนคนดังฝั่งไทยก็ขอร่วมภารกิจนี้เช่นเดียวกัน พร้อมติดแท็ก #IceBucketChallengeTHเริ่มต้นด้วยวู้ดดี้ พิธีกรฝีปากกล้า ในนามของรายการตื่นมาคุย แล้วก็ขอยื่นคำท้ากับ คุณตัน ภาสกร นที, จ๋า ยศสินี, โดม ปกรณ์ ลัม และหญิง รฐา

            โดยเมื่อวานนี้ (18 สิงหาคม 2557) คุณตันก็รับคำท้า พร้อมราดน้ำเย็นกันแบบซู่ซ่าเลยทีเดียว พร้อมท้า ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม หรือ อากู๋ แกรมมี่, โน้ส อุดม และชมพู่ อารยา ส่วนทางด้านสาวหญิง รฐา ก็รับคำท้าเช่นเดียวกัน ถึงไม่มีถังแต่ก็ดูเย็นสุดขั้วไม่เบา
            แต่ที่สร้างความฮือฮาสุด ๆ คงจะเป็นการรับคำท้าของ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่ทำภารกิจ #IceBucketChallengeTH ราดน้ำเย็นกันหน้าบริษัท พร้อมบริจาคเงินจำนวน 1 ล้านบาท แถมยังส่งคำท้าไปยัง คุณจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ผู้บริหารบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด, คุณกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ CEO CAT Telecom, คุณอริยะ พนมยงค์ GM Google Thailand และคนสุดท้าย สาวน้อยน่ารักอย่าง น้องญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ ซึ่งงานนี้ถ้า 4 ท่านรับคำท้า คุณศุภชัยก็จะบริจาคเงินกับอีก 4 มูลนิธิ มูลนิธิละ 1 ล้านบาท !

            ด้านคุณสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ซีอีโอจาก AIS และคุณจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ซีอีโอ DTAC ก็ไม่น้อยหน้า ร่วมปฏิบัติภารกิจ #IceBucketChallengeTH กับเขาด้วยเหมือนกัน หลังได้รับคำท้าจาก ป้อม ภาวุธ จากตลาดดอทคอม

เจมส์ จิรายุ รับคำท้า #IceBucketChallengeTH
เจมส์ จิรายุ รับคำท้า #IceBucketChallengeTH

            และล่าสุด ดาราหนุ่มสุดฮอต เจมส์ จิรายุ ก็รับคำท้าจากคุณสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ซีอีโอจาก AIS ราดน้ำเย็นเจี๊ยบ ๆ ในตอนกลางคืนสามถังท้าหนาวสุด ๆ โดยท้าพี่ปิ๊ก ชาญฉลาด ผู้จัดการส่วนตัว, อิน บูโดกัน และวิลลี่ แมคอินทอช

            เอ้า...ต้องคอยจับตาดูกันว่า บรรดาผู้ถูกเสนอชื่อให้รับคำท้า จะกล้าเอาน้ำเย็นราดตัวหรือเปล่า ว่าแล้วเราไปดูวินาทีหนาวจับใจของผู้ที่ได้รับคำท้าเลยดีกว่า 













บูชาพระพิฆเนศเพื่อปัญญาและการหยั่งรู้

พระพิฆเณศ เป็นเทพในศาสนาฮินดู นับถือว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความรู้ เป็นผู้มีปัญญาเป็นเลิศ ปราดเปรื่องในศิลปวิทยาทุกแขนง เป็นหัวหน้านำคณะข้ามความขัดข้อง วันนี้้เรามีเรื่องการการบูชาองค์พระพิฆเณศมาฝากชาวสนุก!ดูดวงทุกท่าน 
พระพิฆเณศ
การบูชาพระพิฆเณศ เพื่อปัญญาและการหยั่งรู้ จึงเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก พระพิฆเณศตามตำนานเป็นเทพแห่งปัญญาโดยชัดเจน จากเรื่องราวการเดินทางรอบโลกแข่งกันระหว่างพระพิฆเณศกับพระขันธกุมาร ทันทีที่พระอิศวรบัญชาว่าใครเดินทางรอบโลกครบ 7 รอบก่อนจะให้ผลมะม่วงแก่ผู้นั้น เมื่อพระขันธกุมารทรงนกยูงออกไปก่อน ในขณะที่พระพิฆเณศเลือกการทักษิณาวัตรพระอิศวรและพระอุมาซึ่งมีฐานะเป็นบิดามารดาของตนแล้วกล่าวตามเนื้อหาพระคัมภีร์ว่า ผู้ใดที่ทักษิณาวัตรบิดามารดาของตนเอง ย่อมเท่ากับผู้นั้นได้เวียนรอบโลก
เพราะว่าคุณของบิดามารดายิ่งใหญ่กว่าแผ่นดิน นี่คือการชี้คุณลักษณะพิเศษของปัญญาเคล็ดในการบูชาในวันนี้ห้ามมองพระจันทร์โดยเด็ดขาดไม่เช่นนั้น จะไม่สมหวังในพรที่ขอกลับจะโดนคำสาปแห่งองค์
พระพิฆเณศ
เครื่องบูชาขอพรอารตีไฟ* อ้อย กล้วย 1 หวี มะพร้าวแกงผ่าครึ่งซีกนำมาซ้อนกัน แล้วนำใบพลูมารองสักสามใบใส่ข้าวสาร เนย สำลี เพื่อใช้ในการจุดไฟบูชา(เวลาจุดจะใช้การบูรก็ได้)กระเพราะแดง 1 กำ ใช้ขอพร นมจืด 1 กล่อง ของทุกอย่าง จัดรวมในถาด เกินจากนี้จะมีผลไม้อื่นด้วยก็ได้เช่นสัปปะรดแบบมียอด ส้ม
ส่วนขนม ที่จะจัดบูชา ให้เป็นขนมต้มหรือขนมโมทกะ หากหาไม่ได้ ให้ใช้ข้าวสวยนำมาคลุกน้ำตาล เนยแล้วปั้นเป็นลูกกลมๆนำมาวางไว้บนดอกบัวสีแดงที่พับกลีบบูชาจำนวน 8 – 9 ลูก ขนมหวานอื่นๆ เช่น ทองหยอด ทองหยิบ ฯลฯจัดรวมพานให้พูนๆ เป็นจำนวน 2 พาน
จุดธูปกำยานบูชา ธูป 9 ดอก เทียนแดง 1 คู่ดอกไม้จัดเป็นดอกบัวแดงก็จะดี จากนั้นท่องคาถาบูชาองค์เทพ เป็นอันจบพิธี จบหลังการอารตี (อารตีคือการนำไฟ มาวนหน้าเทวรูปพระพิฆเนศให้นำมือไปอังไฟ แล้วนำมาเปิดตา ลูบศรีษะ เพื่อความเป็นมงคล
พระพิฆเณศ
วันบวงสรวงบูชา วันคเณศจตุรถี ตรงกับวันขึ้น 4 ค่ำเดือน 10 ถือเป็นวันกำเนิดแห่งองค์พระพิฆเนศ เป็นวันที่คนที่นับถือบูชาพระพิฆเนศจะทำพิธีเพื่อขอพรต่อพระองค์ในวันคเณศจตุรถีนี้ บรรดาผู้ศรัทธาในพระพิฆเณศ จะจัดหาเครื่องสังเวยมาถวายแด่พระพิฆเณศอย่างมากมาย
มีการสวดมนต์บูชาอย่างเต็มรูปแบบ ร้องรำทำเพลง จัดงานกันอย่างยิ่งใหญ่ตระการตานับตั้งแต่วันแรก ไปจนถึงวันสุดท้าย (พิธีกรรมจะมี 21 วัน) ผู้บูชาจะต้องถวายใบไม้แด่พระพิฆเนศ วันละ 1 ประเภท ถวายทุกวันไปจนครบ 21 วัน และใบไม้ 21 ประเภททั้งนี้ หากเราไม่ได้เข้าร่วมงานคเณศจตุรถี หรืออยากถวายใบไม้โดยไม่ต้องการรอให้ถึงวันคเณศจตุรถี ก็สามารถถวายได้ในทุกโอกาส โดยเลือกใบไม้ที่เราสามารถจัดหามาได้ ให้เด็ดมาหลายๆใบ จัดวางใส่จานให้สวยงาม
*หมายเหตุ
การอารตีไฟ คือ การนำไฟ มาวนหน้าเทวรูปพระพิฆเนศให้นำมือไปอังไฟ แล้วนำมาเปิดตา ลูบศรีษะ เพื่อความเป็นมงคล
บทความ อ. สิริชัย สุวรรณประภา
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.horolive.com
ขอบคุณภาพประกอบจาก : www.siamganesh.com