วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557

การตลาดที่ลูกค้าเข้ามาหาเราเอง มีประสิทธิผลยิ่งกว่า (Inbound Marketing)


The most important thing to understand about online marketing1
มีลูกค้าจำนวนมากที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่คุณมีขายอยู่ และพวกเขาได้พยายามแสวงหา ทั้งเสริจ ทั้งตั้งกระทู้ถาม ทั้งค้นหาตามบอร์ดต่างๆ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์นั้นมา แต่บางครั้งเขาก็เจอ บางครั้งก็ไม่เจอ และที่ร้ายที่สุดคือเขาไปเจอผลิตภัณฑ์เจ้าอื่นแทน , นี่จึงเป็นโอกาสทางการตลาดที่คุณไม่สามารถปล่อยให้หลุดมือไปได้ แต่คุณต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ลูกค้าเจอเพียงคุณ ชอบเพียงคุณ และซื้อเพียงคุณ ดังนั้นการตลาดออนไลน์(Online Marketing) จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น

Inbound Marketing คือคำตอบนั้น !

แต่ว่ามันคืออะไรล่ะ ?
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการตลาดกันเบื้องต้นก่อน , เราแบ่งการตลาดสมัยใหม่แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบครับ
1. Outbound Marketing อันได้แก่ การตลาดที่เราจะออกไปโชว์ตัวหาลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาทีวี ทำ Printed Ad แจกใบปลิว ไดเร็กเมล์ ฯลฯ บางครั้งเราก็ได้ลูกค้ามาบ้าง แต่บ่อยครั้งเราก็สูญเปล่าไปกับคนที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงของเรา เมื่อเทียบกับงบประมาณที่เราลงทุนไป
ต่างกับ 2. Inbound Marketing ที่เป็นหัวข้อที่เรากำลังพูดถึงนั่นเอง กล่าวคือ  Inbound Marketing คือ “การตลาดที่เราจะทำผ่านช่องทางที่ลูกค้าเป็นคนตามหาเรา !”  เช่น เสริจหาทาง Google , เว็บบอร์ด pantip  ,Facebook ,Youtube หรือช่องทางออนไลน์ต่างๆ  , ลูกค้าที่ตามหาเราเหล่านี้ “ ก็คือลูกค้าที่มีอุปสงค์ในผลิตภัณฑ์ที่เรามีอยู่แล้ว” ดังนั้นมันจึงง่ายมากๆที่คุณจะปิดการขายได้นั่นเอง

inbound-marketing_การตลาด
Picture from http://www.business2community.com/online-marketing/news-flash-ppc-is-inbound-marketing-0507940

แต่ว่า เราจะทำ Inbound Marketing ได้อย่างไรล่ะ ?
หลักการมันมีอยู่ไม่กี่อย่างครับ แค่คุณลองจินตนาการว่าตัวเองเป็นลูกค้า ที่กำลังตามหาสินค้าชนิดหนึ่งอยู่ เมื่อคุณเสริจ Google  คุณจะพบว่ามีข้อมูลมากกมายขึ้นมาให้เลือก แล้วคุณจะเลือกอันไหนล่ะ ,แน่นอน คุณก็ต้องเลือกอันที่เข้าใจง่ายที่สุด ดูสะดุดตาที่สุด และมีภาพลักษณ์ดีที่สุด คุณย่อมเลือกคลิ๊กจากอันดับต้นๆ ที่ Google ค้นมาให้  , และ Inbound Marketing ก็คือวิธีที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณ หรือเว็บไซต์ที่มีข้อความดีๆเกี่ยวกับผลิตภัฒน์ของคุณ อยู่อันดับต้นๆได้ ให้สะดุดตาและสะดุดใจลูกค้า และนำมาสู่การปิดการขาย หรือไม่ว่าจะเป็นความสนใจ หรือความภักดีในผลิตภัณฑ์ของคุณนั่นเอง Inbound Marketing นั้น สื่อที่ส่งผลทั้งในระยะสั้น และระยะยาวไปพร้อมๆ มีทั้งสื่อที่ส่งผลระยะสั้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นสื่อในลักษณะของการโฆษณาในรูปแบบ เช่น Ad bannerต่างๆ VDO Banner   รวมทั้งสื่อระยะกลาง ถึงยาว เช่นการซื้อ Keywords ในการเสริจ  การทำ Content Marketing ให้ดึงดูด เข้าใจง่าย และ น่าเชื่อถือ เป็นต้นครับ , หลายละเอียดและเทคนิคของ Inbound Marketing ยังมีอีกมากครับ , แต่ถ้าคุณสนใจอยากรู้มากขึ้น หรืออยากจะทำมัน ติดต่อมาที่นี่ได้เลยครับ
บริษัท Flexmedia จำกัด เราเชี่ยวชาญเรื่องการทำ  Online Agengy marketing ที่ใช้ผลลัพ์เชิง ROI ที่ดีเยี่ยม
ติดต่อ 02 716 1129 ครับ  ,  www.flexmedia.co.th

inbound-marketing

cr.Toonthum

Keywords คือความในใจของลูกค้า (Online Marketing)


Social-Logins-Q1-2013


โลกออนไลน์อาจจะมากกว่าชีวิตจริงด้วยซ้ำครับ , บริษัทต่างๆจึงปฏิเสธไม่ได้เลย ว่าช่องทางออนไลน์นั้นช่องทางที่สำคัญ(และสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ)ในการที่จะเข้าถึงลูกค้า ไม่ว่าจะเพื่อสร้างความรู้จัก ความประทับใจ หรือสร้างความผูกพันธ์ ผ่านการโฆษณา การทำแคมเปญ Online Marketing หรือแอพลิเคชั่นใด  แต่ทว่า โลกออนไลน์ก็เหมือนโลกจริง , มันกว้างใหญ่ไพศาลมาก แถมยังหมุนเร็วยิ่งกว่า แปรปรวนและเปลี่ยนแปลงเร็ว เพราะฉะนั้นจึงเกิดคำถามที่สำคัญขึ้นว่า แล้วเราจะไปหากลุ่มเป้าหมายของเราที่ไหนดี ? เราจะหาอย่างไร และจะทำให้เขาสนใจเรา ประทับใจเราได้อย่างไร ? ดังนั้นการทำ Online Marketing จึงต้องมีเครื่องมือ

จะตอบคำถามได้ เราต้องย้อนกลับไปถึงธรรมชาติของโลกออนไลน์ครับ
นั่นก็คือ “คำ” (Words) , เราทุกคนใช้คำในการดำเนินชีวิตบนโลกออนไลน์
ไม่ว่าจะในการสนทนา การพิมพ์สเตตัส ก่ารส่งสาร รับสารใดๆ
มันก็คือเรื่องของคำทั้งสิ้น และที่สำคัญที่สุดคือการเสริจ (Search) นั่นเอง
googleTrend
ภาพแสดงกราฟของยอดเสริจของคำว่า อาหารญี่ปุ่น อาหารอิตาเลี่ยน และบุฟเฟต์
สามารถบอกได้ว่า ในโลกออนไลน์ อาหารญี่ปุ่นมีคนสนใจมากกว่าอาหารอิตาเลียนหลายเท่า
การเสริจนั้นเป็นการแสดงความในใจที่สำคัญที่สุดของโลกออนไลน์ครับ , เราอาจปั้นแต่งคำเพื่อสร้างภาพให้คนอื่นเห็น หรือเราอาจหาพูดสวยๆมาสร้างตัวตนของเราได้ แต่ในการเสริจนั้น เราจะใช้คำที่เราสนใจจริงๆ เพื่อค้นหาสิ่งที่เราต้องการจริงๆเท่านั้น เพราะฉะนั้น ผู้ที่ล่วงรู้คำสำคัญ (Keywords) ที่ผู้คนบนโลกออนไลน์ใช้ในการเสริจได้ ก็ย่อมเท่ากับอำนาจในการทำตลาดนั่นเอง
- อะไรบ้างที่เราต้องรู้เกี่ยวกับ Keywords
- ยอดเสริจ (คำๆนี้มีคนเสริจเท่าไหร่)
- การเปรียบเทียบระหว่างคำ ( คำไหนดีกว่ากัน ยอดเสริจเยอะกว่ากัน)
- แนวโน้มของการเสริจคำ (มากขึ้น –น้อยลง ช่วงเวลาไหน เดือนไหน ไตรมาสไหน)
googleTrend2
เมื่อเรารู้ทั้งหมดแล้ว  ก็เหมือนกับการรู้ใจลูกค้า เราจึงเห็นเส้นทางในการทำตลาดของเรา  และสามารถเข้าไปดักรอกลุ่มเป้าหมายเราได้ถูกที่  สามารถสร้าง Action ได้ถูกใจ เราสามารถรู้ความต้องการ และเตรียมคำตอบที่ดีๆให้กลุ่มเป้าหมายเราได้ครับ นั่นก็จะนำมาสู่ประสิทธิภาพทางการตลาดของเรานั่นเอง

The most important thing to understand about online marketing1


cr. 

Google+ เทคนิคทำ SEO ขั้นเทพของ Starbucks

 เทคนิคการทำ SEO ด้วย Google+ ของ Starbucks
ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา New York Times ได้นำเสนอรายงานองค์กรที่นำ Google+ มาใช้สนับสนุนธุรกิจทั้งในด้านเสริมศักยภาพของ Online marketing และทำ SEO ได้ประสบความสำเร็จ หนึ่งในนั้นได้กล่าวถึง Starbucks บริษัทที่ทำให้คุณหลงรักในรสชาติของกาแฟ
Starbucks ทราบว่าก่อนที่ Google จะนำ G+ มาใช้บริษัทไม่มีทางรู้เลยว่าคนๆ เดียวกันมีพฤติกรรมการใช้งานอินเตอร์เน็ท หรือใช้งานเครื่องมือแต่ประเภทอย่างไร แต่หลังจากที่ Google Algorithm ถูกพัฒนาและประกาศใช้ร่วมกับ G+ อย่างเป็นทางการ Starbucks พบว่ามันมีผลเชื่อมโยงต่อการทำ SEO ในขณะที่คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า Google+ ก็เป็นเครื่องมือ Social media ชนิดหนึ่งที่ถูกนำมาใช้เพื่อแข่งขันกับ Facebook…
หรือจริงๆ แล้ว Starbucks มองออกว่า Google+ ไม่ได้ถูกพัฒนาเพื่อให้มาแข่งกับ Facebook แต่เพื่อวัตถุประสงค์อื่น จึงทำให้วันนี้ +Starbucks มีจำนวน Follow มากกว่า 3 ล้าน++ ซึ่งน้อยกว่า FB like อยู่หลายขุม คำถามคือ Starbucks พยายามเพิ่มจำนวน G+ circle เพื่อให้เป็นอีกหนึ่ง Social network หรือเพื่อจุดประสงค์อย่างอื่น

Google+ ถูกสร้างมาเพื่ออะไร

ถ้าถามว่าเมื่อคนส่วนใหญ่อยากเล่าเรื่องความหลังสมัยเรียน หรือเลิกคบกับแฟนคนแรกเขาจะไปแชร์ผ่านเครื่องมืออะไร แน่นอนส่วนใหญ่จะเป็น Facebook แทนที่จะเป็น Google+
แต่เชื่อหรือไม่ว่า Google ไม่ได้นำประเด็นนี้มาใช้เป็น KPI เพื่อวัดผลความสำเร็จของ Plus แต่อย่างใด เพราะอะไรนะหรือ คุณลองคิดตามในประเด็นต่างๆ เหล่านี้สิแล้วถามตัวเองว่าจริงหรือไม่จริง
1. คุณคิดเสมอว่าหาอะไรก็เจอด้วย Google
2. คุณมีข้อสงสัยอะไรนอกจากถามเพื่อนแล้วก็จะกลับไปที่ข้อ 1
3. คุณจะหางานใหม่ แต่ไม่รู้จะเขียนจดหมายสมัครงานอย่างไรดี คุณก็จะกลับไปที่ข้อ 2 และไปต่อที่ข้อ 1
4. คุณกำลังหาเส้นทางไปที่แห่งหนึ่งคุณจะไปที่ข้อ 2 แล้วใช้ Google Map และจบที่ข้อ 1
5. คุณจะส่งเมล์ก็ใช้ Gmail แล้วหาข้อมูลเพิ่มเติมที่ข้อ 1
6. คุณจะแชร์ไฟล์งานกับเพื่อนก็ใช้ Google Drive และหาข้อมูลเพิ่มเติมที่ข้อ 1
7. คุณนัดเจอกับเพื่อนเย็นนี้ด้วย Hangout หาร้านหารอร่อยๆ ก็ไปที่ข้อ 2 จบที่ข้อ 1
มาคิดต่อนะครับ สมมุติว่าคนๆ นี้เป็นคุณสิ ในระหว่างที่คุณใช้ Google search, Map, Email, Drive และ Hangout คุณก็อยู่ในสถานะล็อกอิน Gmail การทำงานของคุณจะถูกจัดเก็บลงไปในฐานข้อมูลระดับบุคคลของ Google และประเด็นนี้คือคำตอบครับ

G+ เป็นเครื่องมือที่ถูกพัฒนามาใช้เพื่อเชื่อมโยงพฤติกรรมบุคคลในโลกออนไลน์เข้ากับเครื่องมือต่างๆ ของ Google แล้วนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ร่วมกับ Search Algorithm และแน่นอนว่า Facebook ยังทำไม่ได้ในขณะนี้

ทำไม Starbucks จึงใช้ Google+ ทำ SEO

ตอบแบบกำปั้นทุบดินก็คือ Google Algorithm ที่ถูกพัฒนาล่าสุดนั้นนำข้อมูลพฤติกรรมระดับบุคคลมาเป็นตัวคัดกรอง Organic search result ซึ่งหมายความว่า ถ้าคุณนำ G+ มาปรับใช้กับแผนการตลาดออนไลน์ เมื่อมีคนค้นหาอะไรบางอย่างที่มีความเชื่อมโยงกับเนื้อหาใน Post หรือ G+ profile ของ Starbucks คนๆ นั้นก็จะมีโอกาสได้มาเยี่ยมชมเว็บไซต์หรือธุรกิจผ่าน Top 10 SERPs
เทคนิคการทำ SEO ด้วย Google+ แสดงผล +Starbucks ในผลการค้นหา
ภาพประกอบที่ 1: Google+ แสดงอยู่ในผลการค้นหา

กลยุทธ์ของ Starbucks

Alex Wheeler, ประธานบริหารของ Starbucks ฝ่ายการตลาดออนไลน์กล่าวว่า

When we think about posting on Google+, we think about how does it relate to our search efforts

ซึ่งตรงกับรายงานของ New York Times ว่าปัจจุบัน +starbucks มียอด Follower เพียง 3 ล้าน++ ในขณะที่ FB Like มีมากกว่า 36 ล้าน++ ซึ่งทาง New York Times ก็กล่าวว่า “Updates its Google+ page for the sake of good search placement, and takes advice from Google representatives on how to optimize Google+ content for the search engine.
ปัจจุบัน Google ออกมาประกาศว่าแต่ละเดือนจะมี G+ active user กว่า 540 ล้าน ID แต่ครึ่งหนึ่งไม่ได้ใช้ G+ เพื่อ Social network เลย แต่เมื่อถามว่า Google นำ G+ ไปใช้กับเครื่องมืออะไรเพิ่มเติมอีกบ้าง คำตอบคือ Youtube comment!!!
อ้างอิง: www.searchengineland.com และ www.nytimes.com
cr. 

พาธุรกิจคุณไปได้อย่างถูกทาง ด้วย Online marketing : การทำ Analytics ให้เว็บไซต์

  • ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะเป็นขนาดใหญ่หรือขนาดย่อม  เป็นผู้นำตลาดหรือยังเป็นรอง เว็บไซต์ของคุณนั้นสามารถยิ่งใหญ่ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด  เพียงแค่คุณรู้จักเปลี่ยนมันให้เป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพเพื่อพิชิตเป้าหมายของคุณบนโลกออนไลน์ , และเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณเป็นเช่นนั้นได้ เครื่องมือวิเคราะห์สถิติ “Google Analytics” และมันไม่ใช่แค่ทำให้เว็บไซต์ของเราพัฒนาไปได้อย่างถูกทางเท่านั้น แต่ข้อมูลที่มันให้นั้นสามารถพาธุรกิจทั้งหมดของคุณไปได้อย่างถูกทางเลยทีเดียว แม้ว่าธุรกิจหลักของคุณ จะไม่ได้เป็น “Ecommerce”  หรือ “Online marketing”
    “ รู้เขารู้เรา รบกี่ครั้งก็ชนะ ” คำกล่าวของซุนวูในตำราพิชัยสงครามนี้ ยังใช้ได้ดีในโลกธุรกิจปัจจุบัน และสำหรับโลกธุรกิจ นั้นคำว่า “การรู้เขา” ก็คือการรู้จักลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมายของคุณนั่นเอง  พวกเขาเข้ามาทำอะในเว็บของเราบ้าง เขาสนใจอะไร อ่านหน้าไหน ใช้เวลามากเท่าไหร่ เนื้อหาแบบไหนที่เขาชอบอ่าน รูปภาพแบบไหนที่มีประสิทธิภาพ องค์ประกอบศิลปืแบบไหนที่โดนใจ ฯลฯ นี่เป็นเรื่องพื้นฐานที่เราต้องรู้ และเมื่อรู้เขาแล้ว ก็มาถึง”การรู้เรา” รู้ว่าเราทำอะไรไปแล้วบ้าง อย่างไหนเวิร์ก อย่างไหนไม่เวิร์ก อย่างไร และมันไม่ใช่แค่ทำให้เว็บไซต์ของเราพัฒนาไปได้อย่างถูกทางเท่านั้น แต่มันสามารถพาธุรกิจทั้งหมดของคุณไปได้อย่างถูกทาง ถูกใจ และนำผลลัพธ์มหาศาลกลับมาสู่คุณ อย่างที่คุณก็คาดไม่ถึง , และสำหรับธุรกิจบางประเภทนั้น  คุณสามารถใช้เว็บไวต์ของคุณให้เป็นหน่วย R&D (research and development) สำหรับธุรกิจของคุณได้เลยทีเดียว
Google-Analytics-flexmedia-01
หน้าแสดงผลของ Google Analytics

Google Analytics คืออะไร ?

  • Google Analytics คือเครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์ประสิทธิภาพสูง มีพื้นฐานคือขุมอำนาจของคลังข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั่นก็คือ Google โดยมันจะสามารถตรวจวัดสถิติต่างๆที่เกิดขึ้นในเว็บไซต์ของคุณ Google Analytics นั้นสามารถตรวจจับสถิติทุกอย่างของเว็บไซต์ อันได้แก่
  • สถิติเกี่ยวกับ Visitor  จำนวนคนเข้า คนออกในแต่ละหน้าเว็บ มันบอกได้กระทั้งว่าเข้าโดยใช้อุปกรณ์ตัวไหน เบาว์เซอร์ตัวไหน ระบบปฏิบัติการอะไร
  • สถิติเกี่ยวกับ Traffic  วัดว่าคนเข้าไปดูหน้าไหนบ้าง ระยะเวลาที่ดูเท่าไหร่ เข้ามาแล้วอ่านต่อ หรือรีบออกไป
  • สถิติเกี่ยวกับ Content  วัดว่า Contentไหน คนสนใจอ่านมากน้อย ต่างกันอย่างไร Content อันไหนที่ดี อันไหนที่ไม่ดี  มันทำให้เราสามารถใช้เป็นที่ R&D สื่อของเราได้ เช่นในการโฆษณาออนไลน์ เราสามารถทำBanner ให้ปรากฏออกมา 2-3 แบบ และสำรวจว่าแบบไหนที่กลุ่มเป้าหมายคลิ๊กมากกว่ากัน อันไหนที่สุดสำหรับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อที่คุณจะได้ใช้สื่อที่ประสิทธิภาพสูงที่สุดจริงๆ (Effective media)
  • สถิติเกี่ยวกับ Goal  โดยวัดและวิเคราะห์การกระทำ เช่น การลงทะเบียน การสมัคร การสั่งซื้อต่างๆ คุณจะสามารถรู้ได้ว่าขั้นตอนในการตัดสินใจของกลุ่มเป้าหมาย ระหว่างที่ตามดูเว็บไซต์ของคุณ ต้องแต่ต้นจนจบการอ่านค่า และการวิเคราะห์ Google Analytics นั้นจะใช้ผลสถิติออกมาให้คุณได้สำรวจ และวิเคราะห์อย่างทั่วถึงและลึกซึ้ง เพราะปัจจุบันนั้น การชี้วัดความสำเร็จของ Online นั้น ไม่สามารถใช้ตัวชี้วัดใดชี้วัดหนึ่งเท่านั้น ไม่ว่า CTR (Click through rate)  Impression หรือ Reach ก็ไม่เพียงพอ หากแต่ต้องใช้การวิเคราะห์ค่าต่างๆผนวกกัน  จึงจะรู้ว่าประสิทธิภาพ และประสิทธิผลที่แท้จริงของเว็บไซต์นั้นๆเป็นอย่างไร และสิ่งสำคัญที่ Google Analytics ให้เราได้ครับ
Google-Analytics-flexmedia-02
Google-Analytics-flexmedia-03ภาพแสดงระบบปฏิบัติการณ์ และอุปกรณ์ ของผู้เข้าชมเว็บGoogle-Analytics-flexmedia-04ภาพแสดงกระแสของผู้เข้าชม-และออกจากเว็บ ในไซต์ต่างๆ

cr. 

Bigbike Yamaha กับการตลาดบน Online

อาภิรัตน์ เกียรติไพบูลย์ : Yamaha จัดว่าเป็นแบรนด์หนึ่งที่ทำ Online Marketing ได้ประสบความสำเร็จ  ด้วยเพจ Facebook ชื่อ Yamaha Apps Thailand ที่มีแฟนเพจมากกว่า 8 แสนคน (กุมภาพันธ์ 2557) และมียอดไลค์ต่อวันสูงนับหมื่น ยอดแชร์ต่อวันสูงถึงหลักพัน  และคอมเม้นต์ต่อวันอีกหลายร้อยคอมเม้นต์ “ทุกๆวัน”  , โดยการใช้เนื้อหา (Content) ที่เป็นผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ Yamaha เองแท้ๆ ในการสร้างความน่าสนใจ และส่งตรงถึงกลุ่มเป้าหมายที่จริงแท้ ไม่ต้องไปหยิบยืมเนื้อหาจากที่อื่น หรือแชร์อะไรๆตามกระแส  , จิรายุทธ รุ่งศรีทอง

อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เพจ Yamaha Apps Thailand ประสบความสำเร็จได้มากขนาดนี้ ?

ในโลก facebook มีแบรนด์น้อยใหญ่ของบริษัทต่างๆก็ทำแฟนเพจของตัวเองเช่นกัน แต่ก็ไม่สามารถสร้างความผูกพันธ์หรือความภักดีต่อตัวผลิตภัฒน์จริงๆมากนัก   เพราะส่วนใหญ่เป็นไปเพื่อการ PR หรือการแจ้งข่าว ไม่ก็การชิงโชคชั่วครั้งชั่วคราว เพียงเพื่อสร้างยอด Fanpage ให้มากไว้เท่านั้น แต่ว่ายอดการ Engagement ต่อผลิตภัณฑ์ยังต่ำ กว่าคือพวกเขายังไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงของ Facebook และลืมหลักการเรื่อง “Content is King”
 SEO-SEM-facebook-flexmedia03
ใช้ความน่าสนใจที่สุดของแบรนด์ มาเป็นจุดดึงดูด
แม้ปัจจุบัน  Yamaha Thailand จะมียอดขายส่วนใหญ่ยังอยู่ที่มอเตอร์ไซด์ขนาดเล็ก อย่างเช่น Fino หรือ Spark แต่ทว่าอีกด้านหนึ่ง Yamaha ก็มีผลิตภัณฑ์ที่สามารถดึงดูดใจคนส่วนมากได้ นั่นก็คือรถที่เรียกกันว่า Bigbike ที่มีชื่อเสียงด้านนวัตกรรมในระดับโลก เช่น Yamaha YZF R1 รถ Sport Racing ยอดนิยม  มี Yamaha Bolt รถแนวคลาสสิค โมเดิร์น และก็ยังมี Yamaha M1 รถมอเตอร์ไซค์แข่ง Moto GP (เปรียบกับ Fomula One ของวงการรถ4ล้อ) ที่ราคา 30-40 ล้าน พร้อมทั้งแชมป์ 6 สมัยอย่าง Valentino Rossi ผู้โด่งดังที่สังกัดทีม Yamaha
Yamaha นั้นได้ใช้จุดเด่นของแบรนด์เหล่านี้มาดึงแบรนด์ทั้งแบรนด์ขึ้นไปได้อย่างน่าสนใจ , และยังเป็นการปลูกฝังแบรนด์ Yamaha เข้าไปในใจของกลุ่มเป้าหมาย (สร้างรถในฝัน) สิ่งนี้ในหลักการสร้างแบรนด์ถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่ดี ตามหลักวิชาแล้ว หากแบรนด์มีผลิตภัณฑ์หนึ่งที่มี มีนวัตกรรมชั้นสูงที่ซับซ้อนมาก่อน แบรนด์นั้นจะสามารถทำการตลาดต่อผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อนน้อยลงได้ดีกว่า สมมุติเช่น ถ้าหากโบอิ้ง(Boeing) ที่สร้างเครื่องบินมาก่อน หันมาmeตลาดรถยนตร์บ้าง ในเรื่องของแบรนด์แล้ว ก็ถือว่าเป็นไปได้ดี เพราะเราคงสนใจในรถยนต์ที่ใช้นวัตกรรมของเครื่องบิน (นวัตกรรมสูงกว่า ซับซ้อนกว่า) ต่างกับเอาแบรนด์ที่ใช้นวัตกรรมที่ต่ำกว่า ไปสร้างสิ่งที่ซับซ้อนกว่า เช่น หาก AP Honda จะผลิตเครื่องบิน ความเชื่อมั่น ความไว้ไจก็คงจะไม่เท่า โบอิ้ง ทั้งๆที่อาจจะมีนวัตกรรมที่เหนือกว่าก็เป็นไปได้
การตลาดออนไลน์-SEO-SEM-facebook-flexmedia
การตลาดออนไลน์-SEO-SEM-facebook-flexmedia04
 
ใช้อารมณ์ (Emotional) ในการสร้างแบรนด์
Bigbike อาจจะดูเหมือนเป็นผลิตภัฒน์ด้านการใช้งาน (Functional ) ที่เป็นเครื่องจักร ที่ไว้ขับขี่ แต่หากเจาะลึกลงไปจริงๆ จะพบว่า Bigbike  เป็นผลิตภัณฑ์ด้านอารมณ์ (Emotional) , กล่าวคือมอเตอร์ไซค์แบบนี้เป็นการใช้งานตอบสนองด้านจิตใจ ไม่ว่าจะความรู้สึก ความภาคภูมิ ความมีสไตล์ ความมันส์ เพราะมันไม่ใช่มอเตอร์ไซค์ที่ใช้งาน หรือเป็นแค่ยานพาหนะที่ใช้เดินทางเท่านั้น ดังนั้นในการสื่อสารของแบรนด์ Yamaha จึงเน้นไปที่การสื่อสารทางอารมณ์ เช่นการใช้ Copy ที่มีความหมายทางความรู้สึกนั่นเอง , และปัจจุบันนี้การใช้ความหมายทางความรู้สึก ก็กลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับแบรนด์ต่างๆมากขึ้นเรื่อยๆครับ
ที่กล่าวมาทั้งหมด สรุปได้ว่า การสร้างแบรนด์ให้เกิดนั้น ไม่ว่าจะด้วยช่องทางใดๆ ก็ตาม เราจะต้องนำเอา Content ของแบรนด์ หรือชัดๆก็คือของผลิตภัณฑ์ทำให้เป็นที่น่าสนใจให้ได้ อย่าทำเพียงแค่ชัดโปรโมชั่น ลุ้น แจก อย่างเดียวครับ ,ถ้าเปรียบก็คือ คำว่า“แบรนด์” คือองคาพยพที่โอบอุ้มทุกอย่างเอาไว้ ไม่ว่าจะผลิตภัณฑ์ ราคา การส่งเสริมการขาย หรือช่องทางการจัดจำหน่าย ฯลฯ แต่หัวใจจริงๆก็คือเรื่องของผลิตภัณฑ์นั่นเองครับ

การตลาดออนไลน์-SEO-SEM-facebook-flexmedia03
การตลาดออนไลน์-SEO-SEM-facebook-flexmedia
การตลาดออนไลน์-SEO-SEM-facebook-flexmedia
การตลาดออนไลน์-SEO-SEM-facebook-flexmedia
Content is king
การตลาดออนไลน์-SEO-SEM-facebook-flexmedia03
การตลาดออนไลน์-SEO-SEM-facebook-flexmedia

การตลาดออนไลน์-SEO-SEM-facebook-flexmedia

โดย อาภิรัตน์ เกียรติไพบูลย์
www.facebook.com/YamahaApps


cr. Toonthum

100 แฟนเพจ ( Facebook fanpage) ที่มีแฟนมากที่สุดในประเทศไทย

 ปัจจุบันแบรนด์ต่างๆ ล้วนพัฒนา Facebook fanpage  ของตัวเอง  ทั้งในด้านเนื้อหา(Contents) และการเข้าถึงผู้คน (Reach) ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น  , จริงๆแล้ว   FB Fanpage ก็คือสินทรัพย์ (Assets) ที่สำคัญของเจ้าของนั่นเอง  เพราะเมื่อเรามี Fanpage  จำนวนมาก เราก็สามารถสื่อสาร และทำการตลาด รวมทั้งการโฆษณาตรงต่อกลุ่มเป้าหมาย และยังสามารถสร้างความสัมพันธ์อันดี ด้วยการใช้เนื้อหาที่มีประโยชน์กับแฟนๆของเรา รวมทั้งสามารถเรียนรู้ background ของกลุ่มเป้าหมาย จากสติถิที่เฟสบุ๊กรวบรวมมาให้ นั่นเอง เป็น“การตลาดทางออนไลน์”  ที่มีเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์มากกว่าเป็นแค่โฆษณาธรรมดา ,
แต่ก่อนที่จะเราเจาะลึกว่าจะทำยังไงให้มียอดแฟนเพจเยอะๆ วันนี้ ( 6 มีนาคม 2557) เรามาดู กันดีกว่ครับ ว่า Fanpage 100 อันดับแรกของประเทศไทย  วัดโดย Socialbakers มีอะไรกันบ้าง มาดูกันเลย !



facebook-fanpage-flexmedia-01facebook-fanpage-flexmedia-02facebook-fanpage-flexmedia-03facebook-fanpage-flexmedia-04facebook-fanpage-flexmedia-05facebook-fanpage-flexmedia-06


cr.Toonthum 

เทคนิคทำ SEO ด้วย Search Nearby บน Google Maps

เทคนิคทำ SEO นี้ย้อนไปเมื่อราวๆ เดือนเมษาปี 2013 ที่ Google ประกาศยกเลิกใช้เครื่องมือ More result near… ออกจาก Google Map โดย Mrs.Jade Wang ได้ให้เหตุผลไว้แบบนักการเมืองว่า “improve the local search experience.” ทำให้ร้านค้าต่างๆ ที่นำ Google local business มาใช้หมดโอกาสที่จะ “แสดงผลร่วม” กับผลการค้นหาที่แสดงอยู่ใน Google map ไปด้วยโดยปริยาย แต่หากเรามาลองวิเคราะห์ให้ดีจะพบความจริงที่ว่า ตำแหน่งของธุรกิจต่างๆ ใน Google map นั้นมักจะไม่ถูกอัพเดทไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจริง เช่นกรณีร้านค้าย้ายไปทำเลใหม่ หรือสถานที่แห่งนั้นถูกรือถอนแล้วแทนที่ด้วยสิ่งปลูกสร้างใหม่ๆ เจ้าของร้านก็มักลืมกลับมาแก้ไขตำแหน่งของร้านในแผนที่ Google จึงไม่แปลกที่คนใช้แผนที่ค้นหาอย่างเราๆ จะมึนกับข้อมูลที่ได้บนแผนที่
เมษายน 2014 นี้ Google ก็เลยถือเอาฤกษ์งามยามดีของ April Fool’s Day มาเชื่อมโยงกับการเปิดตัว Search Nearby และ User Interface ที่ปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดใน Google Map ด้วย Pokemon Challenge ซะเลย ซึ่งนับว่าเป็นความสร้างสรรค์ของนักการตลาดที่วางแผนการทำงานมาได้อย่างดีด้วยตัวเลข Youtube view แค่วันเดียวสูงถึง 7,631,730 (วีดีโอนี้เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2557) และแม้ว่ากิจกรรมสนุกๆ นี้จะสิ้นสุดไปแล้วมันก็กลายเป็นเรื่องที่น่าจดจำว่าปรากฎการณ์ April Fool’s Day นั้นมีผลกับเทคนิคทำ SEO อย่างไร
วันนี้ผมคงไม่พูดลงลึกถึงประเด็น April Fool’s Day แต่จะเน้นเรื่อง Search Nearby บน Google Map ว่าธุรกิจจะนำมาใช้เป็นเทคนิคเสริมเรื่องการทำ SEO ได้อย่างไร

เชื่อหรือไม่ Search Nearby ช่วยเสริมเรื่องเทคนิคทำ SEO

ฟังก์ชั่นการทำงาน Search nearby บน Google Maps ที่ถูกพัฒนาและนำกลับมาใช้ใหม่
ภาพประกอบที่ 1: Google Search nearby
ก่อนจะเข้าเรื่องผมขอถามคุณเล็กน้อยว่า “คุณรู้หรือไม่ว่า Search Nearby” มีวัตถุประสงค์การใช้งานอย่างไร?
Search Nearby ถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มโอกาสเข้าถึง Content ที่อยู่ใน Google Mapให้กับ Local Business
ถ้าสังเกตุในรูป Search nearby จะมีกลุ่มของข้อมูลแนะนำ ร้านอาหาร – คาเฟ่ – บาร์ ซึ่งแสดงว่าสถานที่ไกล้เคียงกับ BTS ศาลาแดงนั้นมีสถานประกอบการสามประเภทนี้อยู่ค่อนข้างหนาแน่นกว่ากลุ่มธุรกิจอื่น และนี้เองครับคือโอกาสของคุณ ถ้าคุณเป็นเจ้าของร้านอาหาร คุณก็ต้องรีบเข้ามาปักหมุดในแผนที่แล้วล่ะ
แนะนำร้านอาหารด้วย Search nearby บน Google Maps
ภาพประกอบที่ 2: ตำแหน่งร้านอาหารที่ Google หยิบมาแนะนำ

Google Map ช่วยเรื่องการเพิ่ม Click-Through-Rate ด้วยล่ะ!

เทคนิคการทำ SEO ด้วย Google Maps
ภาพประกอบที่ 3: Google map ช่วยเพิ่มค่า CTR
ดูจากรูปนะครับ ผมค้นหาคำว่า “ไปรษณีย์ พระโขนง” มีผลการค้นหาขึ้นมาเยอะเลยใน 10 อันดับแรก แต่ถามว่าตำแหน่งไหนสะดุดตา น่าคลิกมากกว่ากัน เห็นอย่างนี้แล้ว SME ก็อย่ารอช้าครับ

สรุป

สถิติผู้ใช้งาน Google Maps Apps ทั่วโลก
ภาพประกอบที่ 4: กราฟสถิติความนิยมของเครื่องมือประเภท Social media
Search nearby ใน Google Map นั้นมีความสำคัญต่อ Local business โดยตรงเพราะปัจจุบันมีตัวเลขผู้ใช้ Google Map ผ่านมือถือสูงกว่า Mobile App รายอื่นๆ เช่น Facebook หรือ Youtube ซะอีก และมันจึงน่าจะเป็นเหตุผลที่เพียงพอที่ผมจะบอกว่า Search nearby ก็สามารถนำมาใช้เป็นเทคนิคทำ SEO ได้เช่นเดียวกัน
ทิ้งท้ายว่าถ้าคุณต้องการติดตามข่าวอัพเดทต่างๆ เกี่ยวกับ Google Maps ก็ลองเข้าไปที่+GoogleMaps นะครับ รับรองว่าได้เรื่อง

cr.Udomsook

วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Google AdWords ใหม่ “Search Network With Display Select” เพื่อผลลัพท์ที่ดีกว่า

ตามปกติแล้ว ประเภทแคมเปญใน Google AdWords ที่นิยมลงโฆษณาก็จะมี 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ 1. Search Network และ Display Network ที่เรียกกันอีกชื่อว่า Google Display Network (GDN) ซึ่งจริงๆแล้ว Google ยังมีแคมเปญอีกประเภทนึง ที่เป็นเสมือนแคมเปญลูกผสมทั้ง 2แคมเปญ โดยจะเรียกว่า “Search Network With Display Select”
Search Network With Display Select
แคมเปญประเภทนี้โฆษณาของเราจะขึ้นทั้ง Search Network และ Display Network โดยจะใช้ Keyword เป็นตัว Target ซึ่งจะมีผลกับ Search Network เหมือนที่ Bidding กับ Keyword ปกติ และจะเป็นแบบ Keyword Contextual Targeting บน Display Network
แคมเปญ ”Search Network With Display Select” จะช่วยในเรื่องการ Targeting ให้มันมีความเชื่อมโยง และเป็นไปในทิศทางเดียวกันมากขึ้นในกรณีที่ลงโฆษณาทั้ง Search Network และ Display Network นอกจากนั้น จะช่วยในเรื่องของ Performance ของแคมเปญอีกด้วย
โดยที่ผู้ลงโฆษณาสามารถใช้งานแคมเปญนี้ใน Google AdWords ได้แล้วครับ
 

Facebook Fanpage กำลังเข้าถึงแฟนได้น้อยลงทุกทีๆ

List-of-cities-on-FaceBook-H

ตอนนี้ทุกคนคงรู้สึกกันได้ ว่า Facebook Fanpage หลายเพจที่เราเคย like ไว้ ไม่ค่อยมีโพสมาให้เห็นอะไรมากเหมือนเมื่อก่อน และคนที่เป็นเจ้าของแฟนเพจเองก็คงจะรู้ว่าการโพสแต่ครั้งนั้น มี Reach  (จำนวนคนที่เห็น)น้อยลงๆ ยิ่งถ้าโพสไหนไม่มีใครแชร์เลย คุณจะพบว่ามีคนเห็นแค่ 1-2 %ของแฟนที่คุณมี  (เช่นถ้าคุณมีแฟนเพจอยู่แสนคน ถ้าคุณโพสไปหนึ่งครั้ง แฟนเพจที่ online อยู่ของคุณจะมีแค่ 2-5 % เท่านั้นที่เห็นโพสนี้ ) , โดยนโนยายการลด Post Reach ของ Facebook Fanpage นี้เกิดมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2012 เห็น 10 % พอมาถึงปัจจุบันนี้ (มีนา 2014) เหลือเพียง 2-5 %
ทำไม Facebook ถึงทำเช่นนี้
นั่นก็เพราะว่า  Facebook เริ่มที่จะหารายได้จากค่าโฆษณา หรือ Facebook Ad นั่นก็คือการทำให้คุณต้องจ่ายเงินมากขึ้น เพื่อให้แฟนๆได้เห็นโพสของคุณ , และด้วยนโยบายนี้ ทำให้ Facebook พลิกสถานการณ์จากการขาดทุน ให้เป็นกำไรได้เลยทีเดียว  โดย Facebook อ้างว่าปัจจุบันมีโพสต์เกิดขึ้นบน Facebook มากขึ้นๆ โดยเฉพาะจากเพจต่างๆ ฉะนั้น Facebook จึงปรับให้การแสดงโพสต์จากFacebook Fanpageไปถึงแฟนๆน้อยลง และอีกเหตุผลหนึ่งคือกลัวว่าจะเป็นสแปม เพราะเพจต่างๆ มีการโพสต์เนื้อหามากเกินไป ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ใช้ Facebook รำคาญ
นโยบายนี้ทำให้เจ้าของแฟนเพจหลายรายเดือดร้อนมากพอสมควร อีกทั้งยังทำให้หลายคนที่เข้าไป like เพจต่างๆรู้สึกขุ่นเคืองใจอีกด้วย เพราะเพจส่วนใหญ่ที่เรา Like ไป ล้วนแต่เป็นเพจที่เราสนใจในเนื้อหานั้นๆอยู่แล้ว
แต่จะทำอย่างไรดี ให้สามารถโพสให้แฟนๆได้เห็นมากขึ้นได้อีก มีวิธีได้แก่
1. วิธีที่ไม่ต้องใช้เงินซื้อ AD ได้แก่ การ Contents ที่น่าสนใจ ให้แฟนเพจแชร์เยอะๆ (เกณฑ์ปกติคือการแชร์มากกว่า 100 แชร์ถือว่ามีคุณภาพ)
2. โปรโมต แนะนำแฟนตัวจริง ให้รู้จักกดปุ่มติดตามเพจ
reach
3. วิธีซื้อ AD โดยการเสียค่าใช้จ่าย แต่โปรดละลึกเสมอว่า การออกแบบโพสนั้น ต้องควบคู่มาด้วยการทำ Content ที่มีคุณภาพครับ งบประมาณที่ลง AD ไปจึงจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดครับ